ต้มยำอกไก่ใส่เห็ด
ส่วนผสม ต้มยำอกไก่ใส่เห็ด
เครื่องต้มยำ ได้แก่ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด
หอมแดง /แกะเปลือก/ 4-5 หัว
พริกขี้หนู /ทุบพอบุบ
เห็ดฟาง
มะเขือเทศสีดา
มะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
มะนาว
อกไก่หั่นชิ้นบาง ๆ
ผักชีฝรั่ง
วิธีทำต้มยำอกไก่ใส่เห็ด
1. ตั้งน้ำให้เดือด ปริมาณน้ำก็ดูตามความเหมาะสมนะ ถ้ากินคนเดียว ใส่พอให้ได้ชามเล็ก ๆ ก็พอ
2. ใส่เครื่องต้มยำ ข่าก็ทุบ ๆ ใส่ลงไปสักสองชิ้น อย่าใส่เยอะนะเดี๋ยวจะมีรสฝาด ตะไคร้ก็ทุบ ๆ เหมือนกัน แล้วก็หั่นสักหน่อยเป็นชิ้น ๆ ใส่ลงไปให้พอหอม ตามด้วยหอมแดงจะช่วยให้น้ำต้มยำหวานอร่อย และมะเขือเทศสีดา ใส่ให้ช่วยเพิ่มรสเปรี้ยว
3. พอทุกอย่างเดือดเข้าที่ ให้ใส่ อกไก่หั่น ชิ้นลงไป รอจนสุก ใส่เห็ด
4. ปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียก น้ำปลา ยกหม้อต้มยำลงจากเตาได้
5. จากนั้นก็ฉีกใบมะกรูดโรยหน้า ใส่พริกขี้หนูทุบเพิ่มความเผ็ด และโรยผักชีฝรั่ง ถ้ายังเปรี้ยวไม่สะใจบีบมะนาวเพิ่มนะคะ หรืออ่อนรสใดไปก็ค่อย ๆ เติมจนได้รสที่ถูกปากนะ แต่อย่ารสชาติสุดโต่งเกินไป ไม่เค็มมาก ไม่เปรี้ยวมาก สงสารกระเพาะนะ
วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2562
วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2562
สูตรไข่คว่ำ อาหารเหนือทานเล่น
สูตรไข่คว่ำอาหารเหนือทานเล่น เป็นไข่ต้ม เอามาผ่าซีกแล้วนำไข่แดงออกไปปรุงรสกับหมูสับ พร้อมเครื่องปรุงอื่นๆ จากนั้น เอากลับมาทำเป็นไส้ไข่ ชุบไข่ทอดก็เสร็จ
ส่วนผสม
1. ไข่เป็ด 3 ฟอง2. ไข่ไก่ 2 ฟอง
3. เนื้อหมูบด 200 กรัม
4. น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
5. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
6. พริกไทย 1 ช้อนชา
7. ผักชีซอย 1/2 ช้อนโต๊ะ
8. ต้นหอมซอย 1/2 ช้อนโต๊ะ
9. เกลือ 1/2 ช้อนชา
10. น้ำมันพืช 5 ถ้วย
วิธีการทำ
1. ต้มไข่เป็ดประมาณ 15 นาที ผ่าครึ่งเป็น 2 ซีก ใช้ช้อนควักไข่ออก โดยไม่ให้เปลือกแตก พักไว้2. ผสมไข่เป็ด หมูสับ กระเทียมสับ เกลือ พริกไทย และ น้ำตาล คลุกเคล้าให้เข้ากัน
3. ใส่ผักชีต้นหอม คนให้เข้ากัน
4. ตักส่วนผสมใส่ในเปลือกไข่เป็ด ให้พูนเล็กน้อย ทำจนหมด พักไว้
5. ตั้งน้ำมัน พอร้อน ตีไข่ไก่ ยิบไข่ที่พักไว้ชุบไข่ไก่ แล้วคว่ำหน้าลงทอดในกระทะ
6. ทอดพอหมูสุกและเหลือง ตักขึ้นใส่ตะแกรง
วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2562
สูตรแคบหมูอาหารขึ้นชื่อของชาวล้านนา 👍
แคบหมูอาหารขึ้นชื่อของชาวล้านนา
แคบหมู เป็นอาหารขึ้นชื่อของชาวล้านนา ใช้รับประทานร่วมกับอาหารอื่นๆ เช่น น้ำพริก ขนมจีนน้ำเงี้ยว ใช้เป็นส่วนผสมในการตำน้ำพริก หรือแกง เช่น แกงบอน แกงผักตำลึง (แกงผักแคบ) แกงหน่อไม้ แคบหมูมีทั้งชนิดติดมัน และไม่ติดมัน ที่เรียกกันว่า แคบหมูไร้มัน ชาวล้านนาดั้งเดิม นิยมรับประทานแคบหมูเป็นอาหาร มากกว่าเป็นเครื่องแนมเคล็ดลับในการปรุง/เลือกส่วนผสม
ใช้หนังหมูส่วนสันหลังหรือหนังสะโพก ใช้หมูที่มีอายุประมาณ 4 เดือน หนังหมูต้องสดไม่มีกลิ่น เก็บไว้ในตู้เย็นได้นาน 15 วัน
ส่วนผสม
หนังหมูติดมัน 2 กิโลกรัม
เกลือ 1 ช้อนชา
ซีอิ้วดำ 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหมู 2 กิโลกรัม
วิธีการทำ
สับหนังหมูขนาด 1 x 6 นิ้วใส่ซีอิ๊วดำและเกลือ คลุกเคล้ากับหนังหมูในกระทะให้เข้ากัน หมักไว้ประมาณ 10 นาที
ใส่น้ำมันลงในกระทะหนังหมู ตั้งไฟอ่อนๆ
พอหมูตึงตัว ให้ทอดต่อไปเรื่อยๆ ประมาณ 30 นาที
ตักหมูขึ้น พักไว้ประมาณ 10 นาที
หนังหมูในน้ำมันร้อนจัดอีกครั้งหนึ่ง ทอดจนหนังหมูเหลืองและกรอบ
ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น รอบรรจุในถุงเพื่อรักษาความกรอบของแคบหมูไว้
วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ข้าวบ่ายอาหารประเภทกินด่วนแบบโบราณ อร่อยเด็ด สุดๆ 👍
ข้าวบ่ายอาหารประเภทกินด่วน
ข้าวบ่ายอาหารประเภทกินด่วนแบบโบราณ ข้าวบ่าย หมายถึงอาหารประเภทกินด่วนแบบโบราณ มีข้าวเหนียวนึ่งและไส้ ซึ่งอาจจะเป็นปลาทูนึ่ง นำมาย่างไฟ หรือทอด หมูเค็ม จิ๊นแห้ง (จิ๊นเกื๋อ) นํ้าพริกแดง ผักกาดดอง อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือจะใส่ตามชอบก็ได้ ส่วนใหญ่นิยมไส้จิ๊นแห้งกับน้ำพริกตาแดง หรือไส้ปลาทูย่างหรือทอด นำไปย่างกับเตาถ่าน หรือไม่ย่างก็ได้ อาจเรียกชื่อตามไส้ เช่น ข่าวบ่ายปลาทู ข้าวบ่ายจิ๊นแห้ง ถ้าใช้ไส้เป็นน้ำพริกผสมกับน้ำมันพืชหรือน้ำมันหมูเล็กน้อย นำไปย่างไฟ เรียกว่า ข้าวบ่ายน้ำมัน จะใช้นำพริกตาแดง หรือทำน้ำพริก โดยใช้พริกขี้หนูแห้ง กระเทียม หอมแดง นำมาย่างไฟ โขลกให้ละเอียด ใส่เกลือและน้ำมันพืชหรือน้ำมันหมู แล้วนำไปย่างไฟ
ส่วนผสม
1. ข้าวนึ่ง 400 กรัม
2. พริกแห้งย่างไฟ 5 เม็ด
3. กระเทียมย่างไฟ 5 เม็ด
4. หอมแดงย่างไฟ 5 หัว
5. เกลือ 1 ช้อนชา
6. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
1. โขลกพริก กระเทียม และหอมแดง รวมกันให้ละเอียด2. ใส่น้ำมันพืช คนให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วยพักไว้
3. วางข้าวเหนียวบนใบตอง เกลี่ยให้เป็นแผ่น
4. ตักน้ำพริกทาลงบนข้าวนึ่งให้ทั่ว
5. วางไม้เสียบมาวางลงตรงกลาง ม้วนใบตองกับข้าวบ่ายน้ำมันให้แน่น
6. ย่างข้าวบ่ายน้ำมันกับเตาถ่าน ใช้ไฟอ่อนๆ
วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2562
สูตรชาวเหนือ ห่อนึ่งไก่สูตรล้านนา
ห่อนึ่งไก่สูตรล้านนา
ห่อนึ่งไก่ เป็นอาหารปรุงด้วย เนื้อไก่ เป็นส่วนผสมหลัก นำมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุง ห่อด้วยใบตอง และนึ่งจนสุก บางสูตรใช้วิธีนำเครื่องแกงลงผัดกับน้ำมันให้หอมก่อน แล้วจึงใส่เนื้อไก่ลงไปผัดให้เข้ากัน นำไปห่อใบตอง และนึ่งเป็นลำดับต่อไปนึ่ง หรือหนึ้ง เป็นการทำให้สุกด้วยไอน้ำร้อนในไห หรือที่สำหรับการนึ่ง มี 2 ลักษณะ คือ การนึ่งโดยตรง โดยที่อาหารนั้นไม่ต้องมีเครื่องห่อหุ้ม เช่น การนึ่งข้าว นึ่งปลา นึ่งกล้วยตาก นึ่งเนื้อตาก อีกลักษณะหนึ่ง คืออาหารนั้นจะห่อด้วยใบตองก่อน ได้แก่ การนึ่งขนมที่ห่อใบตอง เช่น ขนมจ็อก ขนมเกลือ และพวกห่อนึ่งต่างๆ อาหารที่ใช้วิธีนึ่ง มักจะเรียกตามชื่ออาหารนั้นๆ ลงท้ายด้วยนึ่ง เช่น ไก่นึ่ง ปลานึ่ง กล้วยนึ่ง
เคล็ดลับ
ใช้พริกขี้หนูสวนแห้ง หรือพริกขี้หนูยอดสนแห้ง มีรสเผ็ดที่พอดี
ถ้าชอบใบยอ ให้นำใบยอมารองใบตองก่อนตักส่วนผสมใส่ใบตอง
ส่วนผสม
เนื้อไก่บ้าน 500 กรัม
ข้าวคั่ว 1/2 ถ้วย
ใบมะกรูด 7 ใบ
ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
เครื่องแกง
พริกขี้หนูแห้ง 20 เม็ด
หอมแดง 5 หัว
กระเทียม 10 กลีบ
ข่าหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
ขมิ้น 1 แว่น
กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีการทำ
โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
ผัดเครื่องแกงกับน้ำมันพืชให้หอม ใส่ไก่หั่นเป็นชิ้น พอไก่สุกเติมน้ำ พอเดือด ตักใส่ชาม
ใส่ข้าวคั่ว คลุกเคล้าให้เข้ากัน
ใส่ใบมะกรูดและผักชีต้นหอม คลุกเคล้าให้เข้ากัน
เตรียมใบตองกว้างประมาณ 8 นิ้ว ตัดหัวตัดท้าย นำมาซ้อนกันสองชั้น ตักส่วนผสมใส่บนใบตอง
ฉีกใบตองกว้างประมาณ 3 นิ้ว ห่อด้านนอกอีก 1 ชั้น ใช้ไม้กลัด กลัดใบตอง
ใช้กรรไกรตัดแต่งห่อใบตองให้สวยงาม
นำลงนึ่งในลังถึง ประมาณ 30 นาที
วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2562
สูตรข้าวกั๊นจิ๊นอาหารของชาวไทใหญ่ 🍽
สูตรข้าวกั๊นจิ๊นอาหารของชาวไทใหญ่
สูตรข้าวกั๊นจิ๊นอาหารของชาวไทใหญ่ ข้าวกั๊นจิ๊น หรือข้าวเงี้ยว หรือจิ๊นส้มเงี้ยว เชื่อว่าเป็นอาหารของชาวไทใหญ่หรือเงี้ยว ใช้ใบตองห่อเช่นเดียวกับแหนม (จิ๊นส้ม) จึงเรียกว่า ข้าวเงี้ยว หรือจิ๊นส้มเงี้ยว บางสูตรไม่ใส่เนื้อสับ แต่ใส่เลือดคลุกเคล้ากับข้าวอย่างเดียว
ส่วนผสม
1. ข้าวสารเจ้า 1 ลิตร
2. เนื้อหมูบด 200 กรัม
3. เลือดหมู 1 ถ้วย
4. น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
5. เกลือ 1 ช้อนชา
6. กระเทียม 30 กลีบ
7. น้ำมันพืช 1 ถ้วย
เครื่องเคียง
1. พริกขี้หนูแห้งทอด
2. หอมหัวใหญ่
3. แตงกวา
4. กระเทียมเจียว
วิธีการทำ
1. คั้นเลือดกับใบตะไคร้ เพื่อดับคาวเลือด พักไว้
2. หุงข้าว สุกแล้วตักข้าวผึ่งไว้พออุ่น ใส่เกลือ น้ำตาลทราย และน้ำมันกระเทียมเจียว
3. ใส่หมูสับ ตามด้วยเลือดหมู
4. คลุกเคล้าส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
5. เตรียมใบตองฉีกกว้างขนาด 10 นิ้ว วางซ้อนกัน 4 ชั้น ใส่ส่วนผสมลงตรงกลางห่อ
6. จับปลายใบตองชิดกัน ม้วนพับใบตองลงให้แน่น พับหัวพับท้าย
7. มัดด้วยตอกให้แน่น (ตอก คือไม้ไผ่ที่จักบางๆ เพื่อใช้ใช้ในการสานเครื่องใช้หรือผูกสิ่งของต่างๆ)
8. นึ่งในลังถึง ประมาณ 30 นาที
วันพฤหัสบดีที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2562
น้ำพริกปลาแซลมอน
น้ำพริกปลาแซลมอน
ทีเด็ดน้ำพริกปลาแซลมอน พริกอ่อน กระเทียม และหอมแดงไปย่างหรือคั่วเพิ่มความหอม สุดท้ายเอาเนื้อปลาแซลมอนย่างลงไปโขลกให้เข้ากัน
ส่วนผสม น้ำพริกปลาแซลมอน
พริกขี้หนู 10 เม็ด
หอมแดง 5 หัว
กระเทียม 10 กลีบ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำพริกปลาแซลมอน
3. เสิร์ฟพร้อมผักและข้าวเหนียว
ทีเด็ดน้ำพริกปลาแซลมอน พริกอ่อน กระเทียม และหอมแดงไปย่างหรือคั่วเพิ่มความหอม สุดท้ายเอาเนื้อปลาแซลมอนย่างลงไปโขลกให้เข้ากัน
ส่วนผสม น้ำพริกปลาแซลมอน
เนื้อปลาแซลมอน 200 กรัม
พริกอ่อน 2 เม็ดพริกขี้หนู 10 เม็ด
หอมแดง 5 หัว
กระเทียม 10 กลีบ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำพริกปลาแซลมอน
1. นำพริกขี้หนู พริกอ่อน กระเทียม และหอมแดงไปย่างหรือคั่วในกระทะจนสุกได้ที่แล้วให้นำมาใส่ครก ตำพอหยาบ
2. นำปลาแซลมอนไปย่าง หรือนาบกับกระทะพอสุกสีสวยแล้วใส่ลงครกตำ ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย น้ำปลา และน้ำมะนาว คนส่วนผสมให้เข้ากันดี ชิมรสตามชอบ3. เสิร์ฟพร้อมผักและข้าวเหนียว
วันพุธที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2562
น้ำพริกหนุ่ม
น้ำพริกหนุ่ม
สูตรน้ำพริกของเมืองเหนือที่คนทุกภาคชื่นชอบที่เรารู้จักกันดีอย่าง น้ำพริกหนุ่ม ที่ ทานคู่กับแคปหมูอร่อย เหาะเลยที่เดียว
ส่วนผสมน้ำพริกหนุ่ม
พริกหนุ่ม 15 เม็ด
กระเทียม 5 หัว
มะนาว 2 ลูก
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
หอมแดง 5 หัว
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำพริกหนุ่ม
นำพริกหนุ่ม กระเทียม หอมแดง มาเผา ให้เกรียม พักไว้ให้เย็นแล้วปอกเปลือก พริกหนุ่ม กระเทียม และหอมแดงออก
นำพริกหนุ่ม กระเทียมและหอมแดงที่ปกเปลือกเสร็จแล้ว มาโขลกรวมกันให้ละเอียดเมื่อส่วนผสมเข้าดีแล้ว เติมน้ำตาล มะนาวและน้ำปลาลงไป
คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้ว ชิมถ้าอยากเพิ่มรสชาติไหนเพิ่มลงไปได้เลย
สูตรน้ำพริกของเมืองเหนือที่คนทุกภาคชื่นชอบที่เรารู้จักกันดีอย่าง น้ำพริกหนุ่ม ที่ ทานคู่กับแคปหมูอร่อย เหาะเลยที่เดียว
ส่วนผสมน้ำพริกหนุ่ม
พริกหนุ่ม 15 เม็ด
กระเทียม 5 หัว
มะนาว 2 ลูก
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนชา
หอมแดง 5 หัว
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำน้ำพริกหนุ่ม
นำพริกหนุ่ม กระเทียม หอมแดง มาเผา ให้เกรียม พักไว้ให้เย็นแล้วปอกเปลือก พริกหนุ่ม กระเทียม และหอมแดงออก
นำพริกหนุ่ม กระเทียมและหอมแดงที่ปกเปลือกเสร็จแล้ว มาโขลกรวมกันให้ละเอียดเมื่อส่วนผสมเข้าดีแล้ว เติมน้ำตาล มะนาวและน้ำปลาลงไป
คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้ว ชิมถ้าอยากเพิ่มรสชาติไหนเพิ่มลงไปได้เลย
วันอังคารที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2562
สูตรเด็ดน้ำพริกปลาละมุนลิ้น น้ำพริกปลา 💛💚💛💚
สูตรเด็ดน้ำพริกปลาละมุนลิ้น
สูตรเด็ดน้ำพริกปลาละมุนลิ้น น้ำพริกปลา อ่านว่า น้ำพิกป๋า เป็นน้ำพริกที่มีลักษณะข้นถึงขลุกขลิก โดยเอาน้ำต้มปลาใส่ลงไป มากน้อยแล้วแต่ชอบ บางสูตรใช้ปลาช่อนย่างไฟ น้ำพริกมีลักษณะข้น ชนิดของพริกที่นิยมใช้คือ พริกดิบ ใช้พริกชี้ฟ้า หรือพริกดิบพันธุ์ใดก็ได้ ถ้าชอบเผ็ด ให้ใช้พริกชี้ฟ้า เครื่องเคียงที่นิยมรับประทานกับน้ำพริกปลา คือ ยอดผักแว่น ยอดกระถิน มะเขือเปราะเคล็ดลับในการปรุง
ถ้าชอบรสเปรี้ยว ให้เติมน้ำมะนาว หรือมะกอก
ส่วนผสม
1. ปลาช่อน 100 กรัม
2. พริกชี้ฟ้าย่างไฟ 2 เม็ด
3. หอมแดงย่างไฟ 3 หัว
4. กระเทียมย่างไฟ 5 กลีบ
5. ตะไคร้ 1 ต้น
6. กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ
7. ผักชีซอย 1/2 ช้อนโต๊ะ
8. ต้นหอมซอย 1/2 ช้อนโต๊ะ
9. เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีการทำ
1. ต้มน้ำ ใส่ตระไคร้ พอน้ำเดือดใส่ปลาช่อน กะปิ
2. โขลกพริก หอมแดง กระเทียม ที่แกะเปลือกออกแล้ว รวมกันให้ละเอียด
3. ใส่เนื้อปลา โขลกด้วยกัน เติมน้ำต้มปลาเล็กน้อย ใส่เกลือ คนให้เข้ากัน
วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2562
สูตรเด็ดน้ำพริกขิง เผ็ด อร่อย มีประโยชน์
สูตรเด็ดน้ำพริกขิง น้ำพริกขิง เป็นน้ำพริกที่มีลักษณะข้น ชนิดของพริกที่นิยมใช้คือ พริกขี้หนูสด และพริกหนุ่ม บ้างใช้เฉพาะพริกหนุ่ม แล้วแต่ชอบ
ส่วนผสม
พริกหนุ่มย่างไฟ 3 เม็ด
พริกขี้หนูย่างไฟ 10 เม็ด
กระเทียม 7 กลีบ
ขิงหั่น 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีการทำ
โขลก เกลือ กระเทียม และขิง รวมกันให้ละเอียด
ใส่พริกขี้หนูย่างไฟ และพริกหนุ่มย่างไฟ
โขลกรวมกันให้ละเอียด
วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2562
สูตรเด็ดยำกบอร่อยละมุนลิ้น อร่อยติดใจใครๆก็ชอบ
สูตรเด็ดยำกบอร่อยละมุนลิ้น
สูตรเด็ดยำกบอร่อยละมุนลิ้น ยำกบ เป็นอาหารประเภทยำ ที่นำเอาส่วนผสมที่เป็นของที่สุกแล้ว ลงไปผสมกับเครื่องปรุง ถือเป็นอาหารชั้นดีชนิดหนึ่ง เช่นเดียวกับยำจิ๊นไก่ แต่ไม่นิยมทำเลี้ยงในงานบุญ หรืองานพิธี อาจะเป็นเพราะกบมีราคาแพง และหายากกว่าไก่ เครื่องปรุงมีมากกว่ายำจิ๊นไก่ เพื่อดับกลิ่นคาวของกบ ได้แก่ ข่า มะแขว่น เพิ่มตะไคร้ลงในเครื่องแกงด้วย บ้างนำพริกลาบ หรือเครื่องปรุงลาบ มาเป็นเครื่องปรุงเคล็ดลับในการปรุง
กบควรย่างไฟให้เนื้อแห้งหมาด การต้มกบทำให้เนื้อกบนิ่ม ฉีกง่าย
เคล็ดลับในการเลือกเครื่องปรุง
เลือกกบนา ตัวไม่ใหญ่มาก เนื้อและน้ำแกงมีรสอร่อยกว่ากบเลี้ยง
ทำให้เนื้อกบนิ่ม ฉีกง่าย
ส่วนผสม
1. กบย่างไฟ 200 กรัม
2. ข่า 5 แว่น
3. ตะไคร้ 1 ช้อนโต๊ะ
4. ใบมะกรูด 5 ใบ
5. ผักไผ่ 1 ช้อนโต๊ะ
6. สะระแหน่ 1 ช้อนโต๊ะ
7. ผักชี 1 ช้อนโต๊ะ
8. ต้นหอม 1 ช้อนโต๊ะ
9. ผักชีฝรั่ง 1 ช้อนโต๊ะ
10. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
11. หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
12. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องแกง
1. พริกขี้หนูแห้ง 7 เม็ด
2. มะแขว่นคั่ว 1 ช้อนชา
3. ดีปลีคั่ว 1 ผล
4. เม็ดผักชีคั่ว 1 ช้อนชา
5. กะปิ 1 ช้อนชา
6. ปลาร้าต้มสุก 1 ช้อนชา
7. เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีการทำ
1. สับกบย่างเป็นชิ้นขนาดพอคำ
2. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
3. เจียวกระเทียมกับน้ำมัน ใส่เครื่องแกงลงผัดให้หอม
4. ใส่น้ำ พอเดือด ใส่ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด
5. ใส่หอมแดงซอย ใส่เนื้อกบ
6. โรยด้วยผักชีต้นหอม ผักชีฝรั่ง ผักไผ่ และสะระแหน่
วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2562
แกงจืดตำลึง
แกงจืดตำลึง
ใครมีตำลึงผักอุดมด้วยแคลเซียมอย่ารอช้า จับมาทำอาหารบำรุงกระดูก
กันเถอะ ขอยกตัวอย่างแกงจืดตำลึง ใส่ เต้าหู้เพิ่มแคลเซียม มาก
กว่าเดิมด้วย
ผักตำลึง มีปริมาณแคลเซียม 126 มิลลิกรัมต่อตำลึง 100 กรัม
เต้าหู้ มีปริมาณแคลเซียม 250 มิลลิกรัมต่อเต้าหู้ 100 กรัม
ส่วนผสม แกงจืดตำลึง
เต้าหู้ไข่ 1 หลอด
ตำลึง เด็ดใบ 100 กรัม
หมูสับ 100 กรัม
น้ำซุป 4 ถ้วย
เกลือป่น
กระเทียมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
วิธีทำแกงจืดตำลึง
1. ใส่น้ำซุปลงในหม้อ เปิดไฟกลาง รอจนน้ำซุปเดือด ใส่หมูสับ ปรุงรส ด้วยเกลือ
2. ใส่เต้าหู้หลอดกับตำลึงลงไป กดให้ตำลึงจมน้ำ ปิดฝา รอน้ำเดือดปิดไฟ
3. ตักใส่ภาชนะ โรยพริกไทยป่นกับกระเทียมเจียวลงไป
ใครมีตำลึงผักอุดมด้วยแคลเซียมอย่ารอช้า จับมาทำอาหารบำรุงกระดูก
กันเถอะ ขอยกตัวอย่างแกงจืดตำลึง ใส่ เต้าหู้เพิ่มแคลเซียม มาก
กว่าเดิมด้วย
ผักตำลึง มีปริมาณแคลเซียม 126 มิลลิกรัมต่อตำลึง 100 กรัม
เต้าหู้ มีปริมาณแคลเซียม 250 มิลลิกรัมต่อเต้าหู้ 100 กรัม
ส่วนผสม แกงจืดตำลึง
เต้าหู้ไข่ 1 หลอด
ตำลึง เด็ดใบ 100 กรัม
หมูสับ 100 กรัม
น้ำซุป 4 ถ้วย
เกลือป่น
กระเทียมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
วิธีทำแกงจืดตำลึง
1. ใส่น้ำซุปลงในหม้อ เปิดไฟกลาง รอจนน้ำซุปเดือด ใส่หมูสับ ปรุงรส ด้วยเกลือ
2. ใส่เต้าหู้หลอดกับตำลึงลงไป กดให้ตำลึงจมน้ำ ปิดฝา รอน้ำเดือดปิดไฟ
3. ตักใส่ภาชนะ โรยพริกไทยป่นกับกระเทียมเจียวลงไป
วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ตำส้มโอสูตรละมุนลิ้น ❤
ตำส้มโอสูตรละมุนลิ้น
ตำส้มโอสูตรละมุนลิ้น
ตำส้มโอสูตรละมุนลิ้น ตำส้มโอ หรือตำบ่าโอ เป็นตำรับอาหาร ที่มีวิธีการปรุง ที่เรียกว่า ตำ คือการนำเอาส่วนผสม คือส้มโอ แล้วนำมาโขลกรวมกันเครื่องปรุง คลุกเคล้าให้เข้ากัน นิยมใส่น้ำปู เพื่อเพิ่มรสชาติ บางสูตรนิยมใส่ผักชีฝรั่ง
ส่วนผสม
1. ส้มโอ 200 กรัม
2. พริกขี้หนู 7 เม็ด
3. กระเทียม 5 กลีบ
4. มะเขือเปราะซอย 3 ลูก
5. ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
7. ปลาร้าต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำปู 1/2 ช้อนชา
2. พริกขี้หนู 7 เม็ด
3. กระเทียม 5 กลีบ
4. มะเขือเปราะซอย 3 ลูก
5. ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
7. ปลาร้าต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำปู 1/2 ช้อนชา
วิธีการทำ
1. โขลกกระเทียม พริกขี้หนู พอแตก
2. ใส่ปลาร้า น้ำตาลปี๊บ น้ำปู โขลกให้เข้ากัน
3. ใส่ส้มโอลงโขลกเบาๆ และคลุกเคล้าให้เข้ากัน
4. ใส่ตะไคร้ซอย
5. ใส่มะเขือเปราะซอย
2. ใส่ปลาร้า น้ำตาลปี๊บ น้ำปู โขลกให้เข้ากัน
3. ใส่ส้มโอลงโขลกเบาๆ และคลุกเคล้าให้เข้ากัน
4. ใส่ตะไคร้ซอย
5. ใส่มะเขือเปราะซอย
เคล็ดลับในการปรุง
โขลกเครื่องปรุงให้เข้ากันก่อน จึงใส่ส้มโอลง โขลกเบาๆ ถ้าโขลกแรงจะทำให้มีน้ำส้มโอมาก
เคล็ดลับในการเลือกส่วนผสม
เลือกส้มโอที่แก่จัด จะไม่มีรสขม
เลือกส้มโอที่แก่จัด จะไม่มีรสขม
วันพฤหัสบดีที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ตำมะเขือพวงสูตรอร่อยละมุนลิ้น
ตำมะเขือพวงสูตรอร่อยละมุนลิ้น
ตำมะเขือพวงสูตรอร่อยละมุนลิ้น ตำมะเขือพวง หรือ ใช้วิธีการปรุงแบบเดียวกับตำชนิดอื่นๆ นิยมใช้พริกหนุ่ม เป็นเครื่องปรุง ที่แตกต่างจากวิธีการปรุงประเภทตำชนิดอื่นๆ คือ ต้มมะเขือพวงก่อน แล้วนำลงผัด หรือคั่วกับน้ำมันพืช เพื่อให้มีรสชาติดี แล้วจึงนำมาโขลกรวมกับพริกหนุ่มและเครื่องปรุงอื่นๆส่วนผสม
1. มะเขือพวง 200 กรัม
2. พริกหนุ่ม 3 เม็ด
3. กระเทียม 10 กลีบ
4. กะปิ 1 ช้อนชา
5. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
1. ต้มมะเขือพวง ใส่น้ำเล็กน้อย ต้มให้เดือด
2. ต้มจนกระทั่งน้ำแห้ง ใส่น้ำมันลงคั่วให้เข้ากัน พักไว้
3. โขลกกระเทียม พริกหนุ่ม และกะปิ รวมกันให้ละเอียด
4. ใส่มะเขือพวงลงโขลกรวมกัน
5. ใส่เกลือลงโขลก และคลุกเคล้าให้เข้ากัน
เคล็ดลับในการปรุง
มะเขือพวงต้มแล้ว นำมาคั่วกับน้ำมัน จะทำให้มีกลิ่นหอม
รายการอ้างอิง
วันพุธที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ละมุนลิ้นด้วยสูตรตำมะลกอ รสเด็ด อร่อยถึงใจ
ละมุนลิ้นด้วยสูตรตำมะลกอ ตำมะละกอ หรือตำบ่ากล้วยเตส หรือส้มตำ นั่นเอง
ชาวล้านนานิยมรับประทานเป็นอาหารว่าง รับประทานกับข้าวเหนียวก็ได้ หากนำมะละกอมาฝานเป็นแผ่นบาง นำไปคลุกกับเครื่องปรุง ได้แก่ พริกแห้ง กะปิ กระเทียมโขลกให้ละเอียด ผสมกับปลาร้าต้มสุกหรือปลาร้าเคี่ยว โดยไม่นำมะละกอมาตำ เรียกว่า หลู้บ่ากล่วยเตสส่วนผสม
มะละกอดิบ 100 กรัม
พริกขี้หนู 10 เม็ด
กระเทียม 5 กลีบ
น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
ปลาร้าต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
ปอกเปลือกมะละกอ สับเป็นเส้นๆ พักไว้
โขลก กระเทียม และพริกขี้หนู พอแตก
ใส่ปลาร้า น้ำตาลปี๊บ ถั่วคั่ว โขลกให้เข้ากัน
ใส่น้ำมะขามเปียก
ใส่มะละกอ โขลกและคลุกเคล้าให้เข้ากัน
เคล็ดลับ มะละกอต้องปอกเปลือกออกให้หมด เพื่อป้องกันมิให้ตำมีรสขม
รู้ไว้ใช่ว่า…
มะละกอ เป็นพืชที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาไกลเพราะมีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปอเมริกากลาง ในยุคกรุงศรีอยุธยาตอนต้นก่อนสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้มีชาวสเปนและชาวโปรตุเกตนำเอามะละกอเข้ามาปลูกในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของบ้านเรา ท่านทูตนีโกลา แฌร์แวซ และซีมง เดอ ลา ลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศสในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. 2185-2272) ได้เขียนบันทึกไว้ว่าได้รู้จักกับมะละกอซึ่งกลายเป็นพืชพื้นเมืองของสยาม แต่ในตอนนั้นเรียกว่าผรั่งก็เรียกว่า Melon (แตงไทย)
นอกจากนั้นแล้วในปี พ.ศ. 2475-2479 รัฐบาลไทยสนับสนุนคนไทยให้มีการเพาะปลูกมะละกอ เพื่อเอายางส่งไปขายต่างประเทศ โดยนำไปผลิตเป็นหมากฝรั่ง มีการเพาะปลูกมะละกอเรียงรายไปตามถนนมิตรภาพ และเคยมีศูนย์คัดแยกพันธ์มะละกออยู่ที่ตำบลทับกวาง อําเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ส่วนประเทศเพื่อนบ้านอย่างศรีลังกาในสมัยนั้น มียอดการส่งออกยางมะละกอไปที่สหรัฐอเมริกามากกว่าปีละ 300,000 บาทเลยทีเดียว
นอกจากนั้นยังไม่มีวัตถุดิบอีกอย่างที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “พริก” โดยที่พริกนั้นได้เข้ามาในประเทศไทยของเราก็เมื่อตอนที่ชาวชาวฮอลันดาได้นำพริกเข้ามาปลูกในประเทศไทย ซึ่งพริกนั้นเป็นวัตถุดิบหลักอีกอย่างที่ทำให้รสชาติของส้มตำนั้นมีความจัดจ้าน เผ็ดร้อน แซ่บถึงใจ
หากจะเจาะลึกถึงความเป็นมาส้มตำ ว่ามีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ใครเป็นนำมะละกอมาขูดเป็นเส้นๆ แล้วตำรวมกับเครื่องปรุงอื่น ก็เป็นเรื่องยากเพราะไม่มีหลักฐานการบันทึกไว้ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ตำราอาหารไทยที่เก่าแก่อย่าง “ตำราอาหารแม่ครัวหัวป่าก์” ของท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์ ถูกตีพิมพ์ออกมาใน พ.ศ 2451 แต่ในนั้นไม่ได้มีการพูดถึงส้มตำไว้เลย วรรณกรรมที่พูดถึงส้มตำก็คือ ตำรับสายเยาวภา ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท ที่มีกล่าวถึงข้าวมันส้มตำที่เสิร์ฟเป็นชุดๆ รสชาววังนุ่มนวลไม่จัดจ้าน แต่เป็นอาหารที่ทานกันในโอกาสพิเศษซะมากกว่า
ดังนั้นส้มตำจึงไม่ได้เป็นอาหารเก่าแก่โบราณอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ อาหารจานแซ่บนี้น่าจะมีอายุราวๆ 60 ต้นๆ หลังจากสิ้นสุดสงครามครั้งที่ 2 ก็มีการสร้างสนามมวยราชดำเนินขึ้นมาเมื่อ พ.ศ. 2488 ซึ่งตอนนั้นชาวอีสานก็ได้มีการอพยพมาอยู่กรุงเทพกันมากขึ้น โดยมีการปลูกสร้างบ้านเรื่อนหรืออาศัยกันอยู่แถวนั้นจนกลายเป็นแหล่งชุมชนของคนอีสาน คนกรุงเทพสมัยนั้นไม่ได้หาอาหารรสแซ่บของชาวอีสานกันได้ง่ายๆ เหมือนในปัจจุบัน ถ้าอยากทานต้องเดินทางมาที่แถวๆ สนามมวยราชดำเนินเท่านั้น
คนที่จะพอยืนยันประวัติส้มตำได้ว่า ในราว พ.ศ. 2493 เริ่มมีการขายส้มตำกันแล้วคือคุณด้วงทอง เจ้าของร้านส้มตำไก่ย่างผ่องแสง ซึ่งตอนนั้นทำงานเป็นลูกมือตำส้มตำในร้านเฟื่องฟู ได้รับค่าจ้างเดือนละ 50 บาท พอขายดิบขายดีนายจ้างก็เพิ่มเงินเดือนให้เรื่อยๆเป็นหลายร้อยบาท จนคุณด้วงทองเก็บหอมรอมริบจนตั้งตัวได้ เมื่อปี พ.ศ. 2501 จึงได้ซื้ออาคารพานิชย์แล้วกลายมาเป็นร้านส้มตำไก่ย่างผ่องแสงจนกระทั่งทุกวันนี้
วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2562
สูตรตำมะม่วงรสเด็ด ตำมะม่วง หรือตำบ่าม่วง
สูตรตำมะม่วงรสเด็ด ตำมะม่วง หรือตำบ่าม่วง เป็นตำรับอาหาร ที่มีวิธีการปรุง ที่เรียกว่า ตำ
คือการนำเอาส่วนผสม คือมะม่วงดิบสับ แล้วนำมาโขลกรวมกันเครื่องปรุง คลุกเคล้าให้เข้ากัน นิยมรับประทานกับใบชะพลู ผักชะอม ผักบุ้ง เถาตดหมูตดหมา ดอกผักฮ้วนหมู หน่อข่า จี๋กุ๊ก (ดอกข่าแดง) เครื่องปรุงตำมะม่วงนี้ ใช้กับตำกระท้อน ตำมะยม ตำมะปราง ได้ด้วยส่วนผสม
มะม่วง 200 กรัม
พริกขี้หนูแห้งย่างไฟ 5 เม็ด
กระเทียม 5 กลีบ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
ปลาแห้งป่น 2 ช้อนโต๊ะ
ปลาร้าต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
ปอกเปลือกมะม่วง ขูดเป็นเส้นๆ พักไว้
โขลกกระเทียม ตามด้วยพริกแห้ง
ใส่ปลาร้า และน้ำตาลปี๊บ โขลกให้เข้ากัน
ใส่ปลาป่น
ใส่มะม่วงลงโขลกและคลุกเคล้าให้เข้ากัน
เคล็ดลับในการปรุง/เลือกส่วนผสม
ควรย่างพริกขี้หนูแห้งก่อน เพื่อให้ตำมะม่วงมีกลิ่นหอม
มะม่วง มีแร่ธาตุและวิตามินที่มีประโยชน์ขนาดนี้ แล้วคุณประโยชน์ล่ะจะมีมากขนาดไหนกัน บอกได้เลยว่าเพียบ !
ช่วยควบคุมระดับความดันโลหิต มะม่วงเป็นผลไม้ที่สามารถลดระดับความดันโลหิตได้ เพราะในมะม่วงมีสารอาหารที่สำคัญต่อระบบการไหลเวียนของเลือดอย่างโพแทสเซียมและแมกนีเซียม ทำให้ระดับความดันโลหิตถูกควบคุมให้อยู่ในระดับที่ปกติ นอกจากนี้มะม่วงยังมีวิตามินอีที่ช่วยเสริมสร้างฮอร์โมนเพศอีกด้วย
ป้องกันโรคมะเร็ง สารประกอบฟีนอล ที่พบในมะม่วงอย่างเช่น เควอซิทิน (Quercetin) ไอโซเควอซิทริน (isoquercitrin) แอสตรากาลิน (astragalin) ไฟเซติน (fisetin) เมทิลแกทเลท (methylgallat) มีฤทธิ์เป็นสารต้านนุมูลอิสระที่ทำหน้าที่ในการตอต้านการเกิดโรคมะเร็ง นอกจากนี้ในมะม่วงก็ยังมีเพคติน (pectin) สูง และมีผลการวิจัยพบว่าสารเพคตินนี่ล่ะที่มีผลต่อการป้องกันการเกิดมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้
ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น ใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหารขอแนะนำให้รับประทานมะม่วงเลยล่ะ เพราะในมะม่วงนั้นมีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยสลายโปรตีนให้ง่ายต่อการดูดซึมของร่างกาย ขณะที่ไฟเบอร์ในมะม่วงก็สามารถช่วยในการย่อยอาหารได้อีกด้วยล่ะ
ป้องกันโรคหัวใจ
ประโยชน์ของมะม่วง ผลไม้มากคุณค่า ไม่คว้าไว้จะเสียใจ
วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2562
สูตรอาหารยำผักกาดส้ม👍👍👍👍
สูตรอาหารยำผักกาดส้ม 👍👍👍👍
สูตรอาหารยำผักกาดส้ม ยำผักกาดส้ม ก่อนที่จะนำผักกาดมาปรุง ต้องนำผักไปดองก่อน วิธีการดอง ใช้วิธีเดียวกับการดองผักกุ่ม แต่ใช้เวลาดองน้อยกว่า 2 วัน มีวิธีการปรุงเช่นเดียวกับยำผักกุ่มดอง ยำผักกาดดอง ต่างกันตรงที่จะใช้พริกแห้งย่างไฟ หรือพริกแต้แห้งย่างไฟ หรือคั่วส่วนผสม ยำผักกาดส้ม
ผักกาดเขียว 200 กรัม
ข้าวนึ่ง 50 กรัม
เกลือเม็ด 1/2 ช้อนชา
น้ำซาวข้าว 1 ถ้วย
พริกแห้งย่างไฟ 8 เม็ด
ข่า 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียม 5 กลีบ
หอมแดง 3 หัว
ตะไคร้ 2 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย 2 ช้อนโต๊ะ
มะเขือเปราะซอย 1/2 ถ้วย
ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ ยำผักกาดส้ม
ล้างผักกาดเขียวให้สะอาด ซอยให้ละเอียด
ใส่ข้าวนึ่ง นวดให้เข้ากัน
ใส่เกลือเม็ด นวดให้เข้ากัน
ใส่น้ำซาวข้าว ให้ท่วมผัก ปิดฝา ดองไว้1-2 วัน
โขลกพริก ข่า กระเทียม หอมแดง และตะไคร้ รวมกันให้ละเอียด
ใส่ส่วนผสมที่โขลกลงในชามผักกาดส้ม คนให้เข้ากัน
ใส่หอมแดงซอย และมะเขือเปราะ คนให้เข้ากัน
โรยด้วยผักชี ต้นหอม
วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ยำมะแปบสูตรอร่อยต้องลอง
ยำมะแปบสูตรอร่อยต้องลอง ยำถั่วแบป หรือยำบ่าแบป มีส่วนผสมและวิธีการปรุงเช่นเดียวกับยำผักเฮือด มีวิธีการยำ นิยมนำลงผัดกับเครื่องแกงกับหมูสับ บ้างนิยมโรยหน้าด้วยแคบหมูซอย
ส่วนผสม
1. ถั่วแปบ 200 กรัม
2. หมูสับ 100 กรัม
3. ข่าโขลก 1/2 ช้อนโต๊ะ
4. หอมแดงซอย 1 ช้อนโต๊ะ
5. กระเทียมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ
6. ผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ
7. ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
8. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องแกง
1. พริกขี้หนูแห้ง 15 เม็ด
2. กระเทียม 10 กลีบ
3. หอมแดง 5 หัว
4. ข่าหั่น 1 ช้อนโต๊ะ
5. ตะไคร้ซอย 1 ช้อนโต๊ะ
6. กะปิ 1 ช้อนชา
7. ปลาร้าต้มสุก 1 ช้อนโต๊ะ
8. เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีการทำ
1. ถั่วแปบต้มสุก หั่นละเอียด พักไว้
2. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
3. เจียวกระเทียมกับน้ำมัน ใส่เครื่องแกงลงผัดให้หอม
4. ใส่หมูสับ ผัดให้หมูสุก
5. ใส่ข่าโขลก
6. ใส่ถั่วแปบ ผัดให้เข้ากัน พอสุก ปิดไฟ โรยด้วย กระเทียวเจียว หอมแดงซอย ผักชี ต้นหอม
วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ตำถาดกุ้งสดตามกระแส
สูตรอาหารตำกุ้งสดรสเด็ด
เครื่องปรุงมะละกอ
กุ้งสด
หอยโข่ง
ปูนา
พริกสด
น้ำปลาร้า
น้ำปลาดี
กระเทียม
มะเขือเทศ
เครื่องเคียงต่างๆ ตามแต่จะจัดสรรมา
วิธีทำ
สับมะละกอ เลือกมะละกอลูกเรียวๆ ยาวๆ จะได้เนื้อมะละกอทีกรอบอร่อย ไม่เหนียวจนติดฟันล้างปู ลวดหอยโข่ง แกะกุ้งแช่โซดา เพิ่มความกรอบและดับคาว พักไว้ก่อน
เริ่มตำถาดด้วยกระเทียม กับพริก ไม่ต้องนับเม็ด มีเท่าไหร่ก็ใส่ไปค่ะ ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำปลาร้าของไมค์ ภิรมย์พร ซึ่งรสชาติกลมกล่อม แทบจะไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่ม
ใส่มะละกอที่สับรอไว้แล้ว ตามด้วยเครื่องเคียงทั้งหลาย ตำให้เข้ากัน เสียงครกกับสากกระทบกันได้ใจคนนั่งรอกินจริงๆ เลย
เทส้มตำใส่ถาด จัดสารพัดเครื่องเคียงที่พอจะหาได้ วางเรียงรายเหมือนดาวล้อมเดือน จากนั้นมือไม้ก็เริ่มขวักไขว่
วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ปลากะพงย่างซอสมิโซะ มีประโยชน์ เพื่อสุขภาพ
ปลากะพงย่างซอสมิโซะ มีประโยชน์ เพื่อสุขภาพ
ส่วนผสม ปลากะพงย่างซอสมิโซะ
มิริน เหล้าหวานญี่ปุ่น 1 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ เฉพาะไข่แดง 1 ฟอง
น้ำมันพืช สำหรับทาตะแกรง
หัวไช้เท้าขูด
ข้าวสวยญี่ปุ่น
วิธีทำ ปลากะพงย่างซอสมิโซะ
2. ตั้งไฟสำหรับย่าง ทาน้ำมันพืชให้ทั่วตะแกรง ทาซอสมิโซะให้ทั่วเนื้อปลากะพง นำไปย่างด้วยไฟอ่อนจนสุก จัดเสิร์ฟพร้อมกับหัวไช้เท้าขูด และข้าวสวยญี่ปุ่น
ส่วนผสม ปลากะพงย่างซอสมิโซะ
เนื้อปลากะพง แล่เป็นชิ้น 300 กรัม
มิโซะ 80 กรัมมิริน เหล้าหวานญี่ปุ่น 1 ช้อนโต๊ะ
ไข่ไก่ เฉพาะไข่แดง 1 ฟอง
น้ำมันพืช สำหรับทาตะแกรง
หัวไช้เท้าขูด
ข้าวสวยญี่ปุ่น
วิธีทำ ปลากะพงย่างซอสมิโซะ
1. นำมิโซะและมิริน เทใส่กระทะ ตั้งไฟอ่อน กวนผสมจนเข้ากัน ใส่ไข่แดงลงไป คนจนเป็น เนื้อเดียวกัน พักไว้
2. ตั้งไฟสำหรับย่าง ทาน้ำมันพืชให้ทั่วตะแกรง ทาซอสมิโซะให้ทั่วเนื้อปลากะพง นำไปย่างด้วยไฟอ่อนจนสุก จัดเสิร์ฟพร้อมกับหัวไช้เท้าขูด และข้าวสวยญี่ปุ่น
วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ไส้อ่อนผัดพริกเกลือ อร่อยยั่วๆจ้า🤞
ไส้อ่อนผัดพริกเกลือ ไส้อ่อนกรอบๆ หอมพริก หอมเกลือ 🍽
ส่วนผสมสำหรับทำ
ไส้อ่อน 1 พวง
ซอสปรุงรส 5 ช้อนโต้ะ สำหรับต้มไส้อ่อน
พริกไทยแห้งเม็ด 5 ช้อนโต้ะ
เกลือ 2 ช้อนโต้ะ สำหรับต้มไส้อ่อน
เกลือ 1 ช้อนโต้ะ สำหรับผัด
พริกไทยป่น 1 ช้อนโต้ะ
กระเทียมสับหยาบๆ 2 ช้อนโต้ะ
พริกขี้หนูสวน สับหยาบๆ 2 ช้อนโต้ะ
พริกชี้ฟ้า สับหยาบๆ 2 ช้อนโต้ะ
รากผักชี สับหยาบ ๆ 2 ช้อนโต้ะ
ผงปรุงรส 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต้ะ
แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต้ะ
น้ำมันสำหรับทอด
วิธีทำ
เริ่มจากการล้างไส้อ่อนให้สะอาดก่อน ล้างจนหมดเมือกมันๆ จากนั้น ตั้งหม้อต้มน้ำ ใส่ซอสปรุงรส พริกไทย และ เกลือ ต้มใส้อ่อนในน้ำเดือดๆ ประมาณ 3 ชั่วโมง ต้มให้ไส้อ่อนนุ่มหอมมีรสชาติจากนั้นนำไส้อ่อนมาหั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ นำมาพักให้ไส้อ่อนเย็นและสะเด็ดน้ำก่อน
นำแป้งข้าวโพดมาคลุกไส้อ่อนให้ทั่ว จากนั้น ตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน นำไส้อ่อนลงไปทอดให้เหลืองกรอบ และ พักเอาไว้ก่อน
ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันพอประมาณ ใส่ รากผักชี กระเทียม พริกไทย พริกขี้หนูสวน และ พริกชี้ฟ้า ผัดให้หอม
ใส่ไส้อ่อน และ ต้นหอมซอย ลงไปผัด ปรุงรสด้วย น้ำตาล ผงปรุงรส และ เกลือ ลงไปผัด
ผัดให้แห้ง ปิดไฟ เสริฟใส่จาน พร้อมรับประทานได้
เคล็ดลับความอร่อย
ไส้อ่อนให้เลือก ไส้อ่อนสดๆ เทคนิคการเลือกไส้อ่อนให้เลือกใส้อ่อนที่ออกขาวๆ จะได้ไส้อ่อนที่ไม่ขมเทคนิคการล้างไส้อ่อน ให้ใช้ สารส้ม และ แป้งมัน ล่างให้ไส้อ่อนหายเมือก เพื่อให้ไส้อ่อนไม่คาว
ไส้อ่อน ก่อนนำมาทำอาหาร ให้นำมาต้มให้ไส้อ่อนนุ่ม หากไม่นำมาต้มก่อน ไส้อ่อนเนื้อจะเหนียวและไม่สามารถรับประทานได้ ต้มในน้ำเดือด ใส่ซอสปรุงรส เกลือ และ พริกไทย ทำให้ไส้อ่อนหอม มีรสชาติ
พริกที่ใช้ในเมนูนี้ เลือกใช้พริก 2 ส่วน พริกชี้ฟ้า และ พริกขี้หนูสวน จะได้ทั้งสีสันและรสชาติ
น้ำมันที่ใช้ในการทอดและผัด ให้ใช้น้ำมันใหม่ อย่านำน้ำมันเก่ามาทำอาหาร เนื่องจากไม่ดีต่อสุขภาพ และ กลิ่นของอาหารเก่าจะติดกับน้ำมันมาด้วย ทำให้อาหารไม่อร่อย
วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2562
อาหาร สูตรแกงผักขี้ขวงหรือสะเดาดิน
สูตรแกงผักขี้ขวงหรือสะเดาดิน
สูตรแกงผักขี้ขวงหรือสะเดาดิน ผักขี้ขวง หรือผักขวง หรือสะเดาดิน นิยมนำมาแกงกับปลาแห้ง และมะเขือเทศลูกเล็ก เช่นเดียวกับแกงผักขี้เสียด หรือแกงผักขี้เขียด หรือผักสีเสียดส่วนผสม
1. ผักขี้ขวง 100 กรัม
2. ปลาแห้ง 50 กรัม
3. มะเขือเทศลูกเล็ก 4 ลูก
เครื่องแกง
1. พริกแห้ง 5 เม็ด
2. พริกขี้หนูแห้ง 3 เม็ด
3. หอมแดง 3 หัว
4. กระเทียม 20 กลีบ
5. ปลาแห้งป่น 1 ช้อนโต๊ะ
6. เกลือ 1 ช้อนชา
7. กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
1. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
2. ต้มน้ำ พอเดือด ละลายเครื่องแกงในน้ำเดือด
3. ใส่ปลาแห้ง ต้มจนปลานุ่ม ใส่มะเขือเทศ
4. ใส่ผักขี้ขวง พอผักสุก ปิดไฟ
เคล็ดลับในการปรุง
ไม่ควรนำผักขี้ขวงแช่น้ำ จะทำให้เสียคุณค่าทางโภชนาการ
วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2562
นมจืดใส่แอลมอน อโวคาโด งาดำ
นมจืดใส่แอลมอน อโวคาโด งาดำ
ขอแทรกกันด้วย เมนูอาหารเช้า ง่ายๆ กันหน่อย คล้ายๆ กับซีเรียล
ที่เราชอบกินกัน เพียงแต่จะขอเปลี่ยนวัตถุดิบ
จากซีเรียลเป็นผลไม้และธัญพืชเคี้ยวได้ กรุบๆ มันๆ อย่างอะโวคาโด
เมล็ดแอลมอน งาดำ และอื่นๆ ตามใจชอบ เสร็จแล้วก็เทนมลงผสม
ให้เข้ากัน พร้อมที่จะมีสุขภาพที่ดีในตอนเช้ากับ เมนูคลีนๆ เมนูนี้แล้ว
ขอแทรกกันด้วย เมนูอาหารเช้า ง่ายๆ กันหน่อย คล้ายๆ กับซีเรียล
ที่เราชอบกินกัน เพียงแต่จะขอเปลี่ยนวัตถุดิบ
จากซีเรียลเป็นผลไม้และธัญพืชเคี้ยวได้ กรุบๆ มันๆ อย่างอะโวคาโด
เมล็ดแอลมอน งาดำ และอื่นๆ ตามใจชอบ เสร็จแล้วก็เทนมลงผสม
ให้เข้ากัน พร้อมที่จะมีสุขภาพที่ดีในตอนเช้ากับ เมนูคลีนๆ เมนูนี้แล้ว
วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ข้าวคลุกอโวคาโดอกไก่ ไข่เจียวใส่ดอกขจร
ข้าวคลุกอโวคาโดอกไก่ ไข่เจียวใส่ดอกขจร
เมนูนี้ทำได้ไม่ยากเลย มีข้าวไรซ์เบอรรี่ ปูอัด 1 แท่ง แครอท อะโวคาโดหั่นเป็นลูกเต๋า อกไก่อบ 2 - 3 ชิ้น และไข่เจียวใส่ดอกขจร เจียวแบบไม่ใส่น้ำมัน วิธีทำนี่ยิ่งง่ายใหญ่ น้ำส่วนผสมที่เราเตรียมไว้ทุกอย่างมารวมๆ กัน
คลุกให้เข้ากัน จากนั้นนำเข้าเตาไมโครเวฟ เมื่อสุกได้ที่ก็นำเอาอะโวคาโดมาคลุกใส่เข้าไป รอประมาณ 2 - 3 นาที เสิร์ฟพร้อมกับเสาวรส เท่านี้ก็พร้อมรับประทานแล้ว
เมนูนี้ทำได้ไม่ยากเลย มีข้าวไรซ์เบอรรี่ ปูอัด 1 แท่ง แครอท อะโวคาโดหั่นเป็นลูกเต๋า อกไก่อบ 2 - 3 ชิ้น และไข่เจียวใส่ดอกขจร เจียวแบบไม่ใส่น้ำมัน วิธีทำนี่ยิ่งง่ายใหญ่ น้ำส่วนผสมที่เราเตรียมไว้ทุกอย่างมารวมๆ กัน
คลุกให้เข้ากัน จากนั้นนำเข้าเตาไมโครเวฟ เมื่อสุกได้ที่ก็นำเอาอะโวคาโดมาคลุกใส่เข้าไป รอประมาณ 2 - 3 นาที เสิร์ฟพร้อมกับเสาวรส เท่านี้ก็พร้อมรับประทานแล้ว
วันศุกร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ถั่วเน่าเมอะชื่อก็ไม่น่ากินแล้วแต่ถ้าได้ลิ้มลองคุณจะติดใจ
ถั่วเหลืองต้มเปื่อยหมักถั่วเน่าเมอะ
ถั่วเน่าเมอะ เป็นอาหารที่ทำมากจากถั่วเหลืองต้มเปื่อยหมัก และนำมาโขลกให้ละเอียด ห่อใบตอง และย่างไฟ ถ้านำถั่วเหลืองต้มเปื่อยหมัก และนำมาโขลกให้ละเอียดมาทำเผ็นแผ่นกลมตากแห้ง เรียกว่า ถั่วเน่าแข็บ เชื่อกันว่า อาหารที่ทำจากถั่วเหลืองนี้ ได้รับอิทธิพลมาจากชาวไทใหญ่
ส่วนผสม
1. ถั่วเน่าเมอะ 1 ถ้วย2. ไข่ไก่ 3 ฟอง
3. หอมแดง 5 หัว
4. ข่าหั่น 10 แว่น
5. ตะไคร้หั่น 2 ช้อนโต๊ะ
6. ใบมะกรูดซอย 2 ช้อนโต๊ะ
7. พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
8. เกลือ 1 ช้อนชา
9. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
10. น้ำมันพืช 1/2 ถ้วย
วิธีทำ
1. โขลกเกลือ ข่า ตะไคร้ รวมกันให้ละเอียด2. ใส่หอมแดง พริกป่น โขลกรวมกันให้ละเอียด
3. ใส่ใบมะกรูด โขลกจนใบมะกรูดละเอียด
4. ใส่ถั่วเน่าเมอะ โขลกต่อจนส่วนผสมเข้ากัน
5. เจียวกระเทียมกับน้ำมัน ใส่ส่วนผสมที่โขลก ลงผัดให้หอม
6. ใส่ไข่ไก่ ผัดให้เข้ากัน
7. ผัดต่อจนไข่สุก ปิดไฟ
วันพฤหัสบดีที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2562
ผัดหน่อไม้อาหารเส้นใยสูง หรือผัดหน่อไม้ หรือคั่วหน่อ
ผัดหน่อไม้หรือคั่วหน่อ
หน่อไม้เป็นอาหารที่ให้เส้นใยสูงจึงช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ เมื่อหน่อไม้ผ่านการย่อยร่างกายจะดูดซึมสารอาหารเข้าสู่กระแสเลือดได้ง่าย อีกทั้งยังมีโปรตีนจากเนื้อหมูและคุณค่าทางโภชนาการจากเครื่องปรุงต่างๆ คั่วหน่อไม้ หรือผัดหน่อไม้ หรือคั่วหน่อ ถ้าชอบใบขิง หั่นใบขิงโรยหน้า หรือผัดลงไปตอนที่หน่อไม้ใกล้สุกแล้ว หรือเติมใบแมงลักก็ได้ บางสูตร ย่างพริกสดแล้วปอกเปลือกแล้วผัดลงไปกับหน่อไม้ หรือใช้พริกสดแทนพริกขี้หนูส่วนผสม
1. หน่อไม้ 2 ถ้วย2. เนื้อหมูสามชั้น 50 กรัม
3. พริกชี้ฟ้า 3 เม็ด
4. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
เครื่องแกง
1. พริกขี้หนู 7 เม็ด2. กระเทียม 10 กลีบ
3. หอมแดง 5 หัว
4. กะปิ 1 ช้อนชา
5. ปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ
6. เกลือ 1/2 ช้อนชา
วิธีการทำ
1. ใช้ส้อมหรือไม้แหลมฉีกหน่อไม้ที่ต้มแล้วให้เป็นฝอย
2. โขลกเครื่องแกงรวมกันให้ละเอียด
3. เจียวกระเทียมที่สับแล้วให้พอเหลือง ใส่เครื่องแกงลงผัดให้หอม ใส่หมูสามชั้น
4. ผัดให้หมูสุก ใส่พริกชี้ฟ้าที่หั่นเฉียง ใส่หน่อไม้
5. ผัดให้เข้ากัน พอสุก ปิดไฟ
วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2562
คั่วจิ๊นส้มอาหารอร่อย คั่วจิ๊นส้ม หรือคั่วแหนม
คั่วจิ๊นส้มอาหารอร่อยหรือคั่วแหนม
คั่วจิ๊นส้มอาหารอร่อย คั่วจิ๊นส้ม หรือคั่วแหนม หรือผัดแหนม นิยมผัดใส่ไข่ไก่ และวุ้นเส้น ส่วนใหญ่ผู้สูงอายุ มักนิยมผัดใส่บ่าลิดไม้ หรือผัดแหนมใส่ฝักเพกาอ่อนย่างไฟ ซึ่งนำลอกเปลือกออก และหั่นย่อยบาคาร่า
ส่วนผสม
1. จิ๊นส้ม 100 กรัม
2. วุ้นเส้น 1/2 ถ้วย
3. ไข่ไก่ 2 ฟอง
4. หอมหัวใหญ่ 1 หัว
5. ต้นหอม 2 ต้น
6. พริกชี้ฟ้าแดง 1 เม็ด
7. กระเทียมดอง 2 หัว
8. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีการทำ
1. เจียวกระเทียมกับน้ำมัน จนมีกลิ่นหอม ใส่แหนม ลงผัด
2. ใส่หอมหัวใหญ่ ผัดให้เข้ากัน
3. ใส่วุ้นเส้น ผัดจนวุ้นเส้นสุก
4. ใส่ไข่ไก่ ผัดให้เข้ากัน
5. ใส่พริกชี้ฟ้า ต้นหอม มะเขือเทศ และกระเทียมดอง ผัดให้เข้ากัน พอสุก ปิดไฟ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)